เด็กบางคนมองว่าการเป็นเด็กสองภาษาเป็นเรื่องง่าย ใช่หรือไม่?

          เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการในด้านของสองภาษาที่แตกต่างกัน เด็กบางคนจะพัฒนาได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เช่นเดียวกับเด็กแต่ละคนตอนเล็กๆ บางคนก็คลาน เดิน หรือหัดพูดคำแรกได้เร็วกว่าเด็กคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาสองภาษา ความเร็วในการการเรียนรู้ภาษาบางส่วนขึ้นอยู่กับความสามารถของเด็ก จริงๆแล้วเด็กบางคนที่เก่งในด้านวิชาการจะมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ช้ากว่าเด็กคนอื่น การที่แต่ละคนเรียนรู้ที่จะพูดภาษาได้เร็วนั้นไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับความสำเร็จทางการศึกษา เด็กที่มีการพัฒนาภาษาตั้งแต่เล็กจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และอาจประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆอีกด้วย

           ความสนใจของเด็กในเรื่องของภาษานั้นเป็นสิ่งสำคัญ และไม่เกี่ยวกับความสามารถและสมรรถภาพของเด็ก เมื่อเด็กได้รับการสนับสนุนและถูกกระตุ้นให้พัฒนาภาษา เด็กก็จะมีความสนใจมากขึ้น ผู้ปกครองที่ตั้งใจฟังเด็กพูด, ตอบเด็กด้วยวิธีที่เด็กสามารถเข้าใจได้ และทำให้ภาษาเป็นเรื่องที่สนุกโดยใช้เสียงเพลงนั้นจะช่วยในการพัฒนาภาษาของเด็ก ความสนใจของเด็กในด้านของภาษาและการกระตุ้นให้เด็กพูดภาษาล้วนมีผลกระทบต่อความเร็วในการพัฒนาภาษาของเด็กทั้งนั้น

          ถ้าเด็กได้รับการสนับสนุนและการฝึกฝนที่เพียงพอ และมีสภาพแวดล้อมในการพัฒนาภาษาที่ดี เด็กก็จะรู้สึกว่าการเรียนรู้สองภาษาเป็นสิ่งที่ค่อนข้างง่าย ไม่เหนื่อยและไม่ลำบาก พ่อแม่ที่มั่นใจในตัวลูกมักจะมีลูกที่ประสบความสำเร็จ ส่วนพ่อแม่ที่คาดคิดถึงความล้มเหลวมักจะมีลูกที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่า

          เด็กที่รู้สองภาษาหลายคนมีความสามารถในภาษาใดภาษาหนึ่งคล้ายกับคนที่รู้ภาษาเดียว แต่บางคนก็มีความสามารถในภาษาที่สอง ไม่กี่คนที่รู้สองภาษาจะคล่องทั้งสองภาษาเท่าๆกัน เด็กแต่ละคนถึงจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางคนอาจไม่รู้สองภาษาอย่างสมบูรณ์แบบ (เข้าใจแต่ไม่สามารถพูดภาษาที่สองได้) การพัฒนาภาษาเปรียบเสมือนการวิ่งไกล บางคนวิ่งด้วยความเร็วจนถึงเส้นชัย บางคนก็วิ่งช้าๆแต่ก็ยังถึงเส้นชัย เช่นเดียวกับการเรียนภาษา บางคนเรียนรู้ได้เร็ว บางคนเรียนรู้ได้ช้า พ่อแม่ซึ่งเป็นผู้สังเกต อาจรู้สึกหงุดหงิดกับความช้าของหลักสูตรสองภาษาบ้างเป็นบางครั้ง การฝึกสองภาษาให้คล่องนั้นเป็นสิ่งที่ช้ากว่าการฝึกวิ่ง

          ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเด็กบางคนจึงพัฒนาสองภาษาได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เด็กแต่ละคนก็มีพัฒนาการของตัวเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆข้อเช่น บุคลิกลักษณะของเด็ก, ความสามารถและสมรรถภาพของเด็กในการเรียนภาษา, การสื่อสารกับผู้ปกครองและเพื่อนๆ, เพื่อนบ้านและญาติ, ทัศนคติของคนสำคัญในครอบครัวและทัศนคติของเด็กเกี่ยวกับสองภาษา

          คนที่เรียนภาษาแล้วได้ผลมักจะเป็นพวกที่กล้าใช้ภาษาและไม่กลัวที่จะพูดผิด, รู้สึกสนุกกับการพูดคุยในสังคม, เป็นผู้ที่ชอบเอาใจใส่ต่อสิ่งภายนอก และคอยดูตัวเองตลอดว่าได้เรียนรู้ภาษามากน้อยแค่ไหน ความชอบของเด็ก, พื้นฐานภาษาของครอบครัว และภาษาของสังคมที่เด็กอยู่ล้วนแต่จะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

แหล่งที่มา : A PARENTS' AND TEACHERS' GUIDE TO BILINGUALISM