ลูกของฉันมีปัญหาเฉพาะ (เช่น ปัญหาทางด้านการเรียนรู้, ความสับสนทางด้านภาษา, ปัญหาทางอารมณ์) พวกเราควรที่จะเปลี่ยนมาพูดภาษาเดียวกับเด็กแทนสองภาษาหรือไม่? ฉันควรพูดภาษาอะไรกับลูก?

          การใช้สองภาษาในครอบครัวจะไม่เพิ่มหรือลดโอกาสที่จะประสบกับปัญหาทางด้านการเรียนรู้และความสับสนทางด้านภาษา เด็กสองภาษาแตกต่างจากเด็กที่ใช้ภาษาเดียวในด้านของประสบการณ์ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กกำลังเรียนภาษาที่สองอยู่จะต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง สิ่งนี้ไม่ใช่ตัวบ่งบอกถึงความผิดปกติทางด้านภาษา / ความสับสนทางด้านภาษา ตัวอย่างอาการของความสับสนทางด้านภาษาคือ ปัญหาในการออกเสียงบางอย่าง, ไม่เข้าใจคำที่คุ้นเคย / เป็นที่รู้จักพอสมควร, มีปัญหาในการจดจำคำๆใหม่ๆทั้งๆที่แนะนำคำใหม่บ่อยครั้งแล้วก็ตาม และปัญหาในการบอกความต้องการโดยไม่ใช้ท่าทางช่วย

          "Language delay" จะเกิดขึ้นเมื่อเด็กเริ่มพูดช้ามากหรือพัฒนาภาษาช้ากว่าเพื่อน ซึ่งเกิดจากสาเหตุต่างๆเช่น หูหนวก, โรคอัมพาตเนื่องจากความบกพร่องของสมองก่อน / ระหว่างคลอด, ปากแหว่ง, ได้ยินเป็นบางส่วน และอื่นๆ พ่อแม่ของเด็กสองภาษาไม่ควรมีความเชื่อว่าสองภาษานั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาเหล่านี้ ถึงแม้ผู้ปกครองและผู้เชี่ยวชาญจะยอมรับว่าสองภาษาไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา แต่บางคนก็ยังเห็นว่าการเปลี่ยนจากสองภาษาเป็นหนึ่งภาษาคือวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ เหตุผลที่พวกเขาให้ก็คือ หากเปลี่ยนมาใช้ภาษาเดียวอาจช่วยลดความยากสำหรับเด็กได้

          ในหลายสถานการณ์ การเปลี่ยนจากสองภาษาเป็นหนึ่งภาษาก็ไม่มีผลกับปัญหาที่มีอยู่ เช่นหากเด็กพูดช้าโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน, มีปัญหาทางด้านอารมณ์ หรือไม่มีความเคารพในตัวเอง การเลิกใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งดูเหมือนจะไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้าม ความเปลี่ยนแปลงของชีวิตครอบครัวอาจทำให้ปัญหานั้นหนักขึ้นได้ ส่วนใหญ่ไม่สมควรที่จะเปลี่ยนจากสองภาษาเป็นภาษาเดียวไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม แต่ส่วนใหญ่เมื่อมี "Language delay" ทุกคนมักจะเปลี่ยนมาใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งมากขึ้น (เช่น ภาษาที่สำคัญกว่า) สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะเสียโอกาสในการใช้สองภาษาตลอดไป เมื่อปัญหา "Language delay" เริ่มหมดลงเราสามารถเริ่มใช้อีกภาษาหนึ่งใหม่อีกครั้ง เช่นเดียวกับปัญหาอื่นๆ เมื่อปัญหาหมดลง เราก็สามารถกลับมาใช้ภาษาที่เลิกใช้ไปได้ใหม่อีกครั้ง

          การเปลี่ยนจากสองภาษาเป็นภาษาเดียวไม่ควรจะเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ บางครั้งต้องมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนอื่นๆของครอบครัวด้วย บางครั้งการเปลี่ยนจากสองภาษามาใช้ภาษาเดียวนั้นเป็นอะไรที่ไม่สมควรทำและเป็นสิ่งที่ผิด ยกตัวอย่างเช่น หากใครสักคนที่เคยเล่นกับเด็กและแสดงความรักกับเด็กเป็นภาษาหนึ่งนั้นเปลี่ยนมาใช้อีกภาษาอาจทำให้เด็กรู้สึกไม่ดี หรือรู้สึกเหมือนขาดความรักที่เคยได้รับ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจของเด็กได้ เพราะเด็กจะไม่รู้สึกอบอุ่นและจะรู้สึกเหมือนความรักที่เคยได้รับนั้นหายไป

          สรุปมื่อมีปัญหาทางด้านภาษาหรืออารมณ์
          1. อย่ารีบโยนความผิดให้กับการใช้สองภาษา ต้นเหตุของปัญหาไม่ได้มาจากการใช้สองภาษา อย่ารีบเปลี่ยนมาใช้ภาษาเดียวเพื่อเป็นวิธีแก้ไขปัญหา เพราะคุณอาจทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นปัญหาที่หนักขึ้นกว่าเดิม
          2. อธิบายและขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆที่เราไว้วางใจ โดยเฉพาะเพื่อนที่ประสบปัญหาคล้ายกัน สิ่งนี้จะช่วยทำให้ความคิดของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้น
          3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ แต่ต้องตรวจดูก่อนว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนและมีประสบการณ์เกี่ยวกับเด็กสองภาษาหรือไม่ ถ้าคุณเลือกการใช้ภาษาเดียวเป็นวิธีแก้ไขปัญหา ให้คิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวเท่านั้น คุณสามารถเริ่มใช้สองภาษาได้ในช่วงหลัง

แหล่งที่มา : A PARENTS' AND TEACHERS' GUIDE TO BILINGUALISM