ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการสอนลูกให้พูดสองภาษา
        สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่บางคนนั้นการให้ลูกได้เรียนรู้ เข้าใจ พูดและอ่านได้มากกว่าหนึ่งภาษานั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาได้เล็งเห็นแล้วว่าการสอนลูกให้ใช้สองภาษาตั้งแต่เล็ก ๆ นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อตัวลูกในอนาคตแน่นอน แต่สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองอีกหลายท่าน ที่ยังคงมีข้อกังขา สงสัย ไม่แน่ใจ หรือความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กโดยใช้สองภาษาหรือมากกว่า ซึ่งบางครั้งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำลังใจ แรงจูงใจของพ่อแม่ในการที่จะเลี้ยงลูกโดยใช้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษานั้นลดลง ซึ่งหลายคนอาจมีความเชื่อว่าการใช้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษา จะนำไปสู่ความสับสนและความล่าช้าในการพูดของเด็ก หรือมีความเชื่อที่ว่าการเลี้ยงลูกให้ได้มากกว่าหนึ่งภาษานั้นเป็นไปไม่ได้ ความเป็นจริงแล้ว เป็นอย่างไร สามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้
        ข้อสงสัยประเด็นที่ 1 “การเลี้ยงดูและเติบโตขึ้นมาโดยใช้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษานั้นสร้างความสับสนให้เด็ก” ความเชื่อหรือความเข้าใจผิดนี้ถือเป็นประเด็นที่แพร่หลายมากที่สุด พ่อแม่หลายคนคิดว่าถ้าเด็กมีการสัมผัสกับภาษาพร้อมกันมากกว่าหนึ่งภาษา จะทำให้เด็กเกิดความสับสนและไม่สามารถที่จะแยกความแตกต่างระหว่างภาษาเหล่านั้นได้ แต่จริง ๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญอย่าง Barbara Zurer Pearson (บาร์บาร่า ซูเรอร์ เพียร์สัน) ผู้เขียนหนังสือ Raising a Bilingual Child กล่าวว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เกิดมา เด็กทารกทุกคนสามารถบอกถึงความแตกต่างในหลายๆ ภาษาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาษาทั้งสองที่เด็กได้สัมผัสนั้น เป็นภาษาที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่นภาษาฝรั่งเศส และภาษาอาหรับ และจะเริ่มเข้าใจภาษาที่มีความเหมือนกันมากขึ้น เช่น ภาษาอังกฤษ และภาษาดัตช์ ได้เมื่ออายุมากขึ้น”
        ข้อสงสัยประเด็นที่ 2 “การใช้สองภาษาในการเลี้ยงดูเด็ก จะทำให้เด็กพูดช้า เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่ใช้ภาษาเดียว” ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการเริ่มพูดในเด็กแต่ละคนนั้นใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน เช่นเดียวกับการเดินซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทางด้านพัฒนาการและธรรมชาติของเด็กแต่ละคน Ellen Stubbe Kester ประธานสถาบัน Bilinguistics ในรัฐเท็กซัส ได้กล่าวไว้ว่า "ผลวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การใช้สองภาษาไม่ได้ก่อให้เกิดความล่าช้าในการพูดหรือพัฒนาการด้านภาษาเลย แม้ว่าลูกของคุณจะมีความล่าช้าในการพูด แต่การใช้สองภาษาก็ไม่ได้ทำให้พัฒนาการการพูดของเขาแย่ลงไปอีก "
        ข้อสงสัยประเด็นที่ 3 “มันเร็วเกินไป หรือสายเกินไป ที่จะสอนให้ลูกใช้สองภาษา” นักภาษาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญมากมายยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีคำว่าสายเกินไป หรือเร็วเกินไปที่จะสอนภาษาที่สองหรือมากกว่าให้กับลูกของคุณ ทั้งยังเน้นย้ำว่าควรเริ่มให้เด็กเรียนรู้โดยเร็วที่สุดได้นั้นยิ่งดี เช่นเดียวกันกับคำกล่าวของ Barbara Zurer Pearson (บาร์บาร่า ซูเรอร์ เพียร์สัน) ผู้เขียนหนังสือ Raising a Bilingual Child " เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ การเรียนรู้ภาษาที่สองเป็นเรื่องง่าย สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี และเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี " เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเรียนภาษาที่สองหรือมากกว่านั้น ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญคือ ตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กกำลังเรียนรู้ภาษาแรกของเขา ช่วงเวลาที่ดีอีกช่วงหนึ่งคืออายุ 4-7 ปี เนื่องจากเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ยังคงสามารถใช้ภาษาได้หลายภาษาพร้อม ๆ กันไป หากลูกของคุณมีอายุมากกว่า 7 ปี และคุณอยากให้เขาได้สองภาษานั้น ก็ถือว่ายังไม่สายเกินไป เพราะช่วงที่ดีเป็นอันดับสามคือช่วงอายุ 8 ปี ซึ่งหลังจากนั้นจะพบว่าทักษะการใช้ภาษาที่สองจะถูกเก็บไว้ในสมองส่วนที่แยกออกไป ทำให้เวลาที่จะใช้ภาษาที่สองนั้น จำเป็นต้องมีการแปลในสมองเป็นภาษาแรกก่อน ดังนั้นแล้วเราจึงควรสร้างความคุ้นเคยกับภาษาที่สองให้เด็ก ๆตั้งแต่ยังเล็ก ด้วยการศึกษา ฝึกฝน และใช้งานอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวัน
       
นอกเหนือจากข้อสงสัย และความเข้าใจที่ผิดทั้ง 3 ประเด็นที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ยังคงมีอีกหลายๆประเด็นที่น่าสนใจ และยังคงเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสองภาษาสำหรับคุณพ่อคุณแม่อีกหลายท่านที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ หนังสือ “The Bilingual Edge: Why, When, and How to Teach Your Child a Second Language” ซึ่งเขียนโดย Kendall King และ Ph.D. Alison Mackey จึงถือเป็นอีกหนึ่งคู่มือที่ดี ในการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกฝัง และวิธีการเลี้ยงลูกให้กลายเป็นเด็กสองภาษา โดยเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจ และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้ในหนังสือยังมีการนำเสนอข้อมูลอื่น ๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสอนภาษาที่สองให้กับเด็ก ไม่ว่าจะเป็น ข้อดีและความได้เปรียบต่าง ๆของการเป็นเด็กสองภาษา, วิธีการเลือกโปรแกรมการเรียนการสอนสองภาษาที่เหมาะสมสำหรับเด็ก และเทคนิคต่าง ๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการสอนภาษาที่บ้าน ไปจนถึงวิธีการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ทางด้านภาษาของเด็กในแต่ละช่วงวัย พร้อมกันนั้น ผู้เขียนยังได้หยิบยกเอาประเด็นความเชื่อ ความเข้าใจผิด
ต่าง ๆ อีกหลายประเด็นที่เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กให้เป็นเด็กสองภาษามาอธิบาย และไขข้อสงสัยไว้ได้อย่างน่าสนใจ อาทิเช่น ความเชื่อที่ว่า “พ่อแม่ที่พูดได้สองภาษา เจ้าของภาษา หรือเป็นครูเท่านั้นถึงจะเลี้ยงและสอนลูกสองภาษาได้" , “เด็ก ๆ ในครอบครัวเดียวกันจะมีทักษะการพูดภาษาเท่า ๆ กัน" หรือความเชื่อที่ว่า "โทรทัศน์ DVDs และของเล่น เป็นเครื่องมือการสอนที่ดี" ฯลฯ
หนังสือ “The Bilingual Edge: Why, When, and How to Teach Your Child a Second Language” เขียนโดย Kendall King และ Ph.D. Alison Mackey |
        จากที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนั้น สรุปได้ว่าการเตรียมพื้นฐานความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ภาษาที่สองหรือมากกว่าของเด็กนั้น เป็นสิ่งจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสังคมยุคปัจจุบัน การอาศัยโรงเรียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นการส่งเสริมและเอาใจใส่ให้เด็กได้มีทักษะความสามารถทางด้านภาษานั้น สามารถเริ่มต้นได้ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีและควรทำโดยเร็วที่สุด เพราะพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดีของเด็กนั้น สามารถเริ่มต้นได้จากครอบครัว
Book Review: The Bilingual Edge: Why, When, and How to Teach Your Child a Second Language by Kendall King and Alison Mackey บทความ 3 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการสอนลูกให้พูดสองภาษา จาก www.enfababy.com
Pearson, Barbara Zurer. 2008. Raising a bilingual child. New York: Random House.
Kester, E. S. & Peña, E. D. (2002). Language ability assessment of Spanish English bilinguals: Future directions. Practical Assessment, Research, and Evaluation.